วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553

โปรแกรมสแกนไวรัสที่ได้รับความนิยมสูงสุด

BitDefender Antivirus 2010 โปรแกรมสแกนไวรัส ที่สามารถกำจัด spyware และ malware อื่นๆ พร้อมกับการอัพเดททุกชั่วโมง บล็อกไวรัสที่ไม่รู้จัก ใช้เทคนิคการสืบหาระดับสูง
Kaspersky Anti-Virus สแกนไวรัส สุดยอดโปรแกรมฆ่าไวรัสคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ฆ่าไวรัสและสปายแวร์ได้อย่างหมดปัญหากวนใจ ใช้งานง่าย จุดเด่นอีกอย่างคือสามารถลงโปรแกรม ถึงแม้ว่าเครื่องเราจะติดไวรัสแแล้ว
Webroot Antivirus สแกนไวรัส ป้องกันให้ครอบคลุมที่มากที่สุดของภัยคุกคาม สแกนไวรัส และสปายแวร์ที่มีเทคโนโลยีอันทรงพลังงานที่ง่ายต่อการใช้งาน เล่นเกมและดูวิดีโอออนไลน์ที่ปลอดภัย ระบบการตอบสนองของ Webroot เตือนทั่วโลกจะใช้นับล้านของสมาชิกเพื่อป้องกันภัยคุกคามล่าสุดออนไลน์ผ่านการปรับปรุงอัตโนมัติ
ESET Nod32 สแกนไวรัส ตัวนี้คนไทยรู้จักกันดีและได้รับความนิยมมาก ระบบใหม่ล่าสุด ที่มีการใช้ระบบพฤติกรรมวิเคราะห์ควบคู่กับการใช ้ signatures ทำให้สามารถตรวจจับ ได้ดีที่สุดโดยไม่ลดทอนความรวด เร็ว ThreatSense® จะช่วยในการ ตรวจจับไวรัสที่ยังไม่มีใครรู้จักมา ก่อนโดยที่ไม่ต้องทำการอัพเดท ฐานข้อมูลไวรัสแต่อย่างใด
F-Secure Anti-Virus สแกนไวรัส ให้ใช้งานง่ายป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณจากไวรัส เวิร์มและ rootkits และอื่นๆ ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานกับโทรศัพท์มือถือ Symbian ได้อีกด้วย เพื่อข้อมูลที่ปลอดภัยจากไวรัส โปรแกรมออกแบบมาให้ง่ายดาย ทั้งการใช้งาน และในการติดตั้ง
AVG Anti-Virus สแกนไวรัส เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสและมัลแวร์สำหรับผู้ใช้ระบบวินโดวส์ ที่พัฒนาโดยบริษัทชั้นนำ ซึ่งอนุญาตใช้ได้ฟรีสำหรับการใช้งานส่วนตัว แต่ถ้าต้องการความสามารถบางอย่างที่สะดวกก็มีค่าใช้จ่าย ล่าสุดได้รับการปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
McAfee VirusScan ความสามารถในการตรวจจับสปายแวร์และแอดแวร์โดยอัตโนมัติ อัพเดทระบบแบบรายวัน เพื่อช่วยปกป้องเครื่องพีซีของคุณจากการคุกคามของไวรัสหรือสปายแวร์ในรูปแบบใหม่ๆ ได้อย่างทันท่วงที จัดการกับไวรัส เวิร์ม โทรจัน ActiveX และ Java applet ได้ในทันทีที่เข้าสู่ระบบด้วยคุณสมบัติของ Inline cleaning
Norton AntiVirus เป็นสแกนไวรัสอีกตัวหนึ่งที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี ป้องกันไวรัส เวิร์ม สปายแวร์ บอทซ์ และอีกมากมาย ปกป้องระบบของท่านจากภัยคุกคาม ทุกชนิด ช่วยประหยัดเวลา ด้วยการสแกนที่เร็วกว่า จำนวนน้อยกว่า และใช้เวลาสั้นกว่า การอัพเดทที่รวดเร็วเป็นระยะๆ ทุกๆ 5-15 นาที ป้องกันอีเมล์และข้อความที่ส่งถึงทันทีที่มีไวรัส ไม่ให้แพร่ขยายและคุกคามระบบของท่าน ปลอดภัยเมื่อเชื่อมต่อโลกอินเตอร์เน็ท
Trend Micro เป็นซอฟแวร์ต่อต้านไวรัส ช่วยให้ผู้บริหารสามารถจัดการกับไวรัสบนเครื่อง PC ได้ทั้งหมดบน Network สนบสนุนทั้ง HTTP และ ไฟล์โปรโตคอลคอมมูนิเคชั่น รองรับกับระบบปฏิบัติการ NT, NetWare

วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เทคนิคการเรียนให้เก่ง

พูดถึงเรื่องเรียน ใครๆก็อยากเก่งกันทุกคน แต่คงมีหลายคน ที่อาจจะท้อแท้กับการเรียน นักวิชาการและนักวิจัยต่างๆ ได้ทำการสำรวจและวิจัย พบว่าเทคนิคการเรียนต่างๆจากหลายๆคนแตกต่างกันไป ก็เลยนำมาเสนอให้เพื่อนๆที่สนใจได้อ่านด้วย เราไปดูกันดีกว่าว่า การเรียน เก่ง เขามีเทคนิคอะไร ยังไง
จากการวิจัยและวิเคราะห์ของนักแนะแนวการศึกษาและนักจิตวิทยาหลายคนพบว่า ผู้ที่เรียนไม่ค่อยประสบความสำเร็จหรือเรียนแบบไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ได้แก่ผู้ที่มีลักษณะดังนี้
- เป็นคนที่มักละทิ้งงานไว้ก่อนก่อนจึงค่อยทำ เมื่อถึงนาทีสุดท้าย
- เสียสมาธิ หันเห ความสนใจไปจากการเรียนได้โดยง่าย
- เมื่อทำงานที่ยากๆ จะสูญเสียความสนใจ หรือขาดความมานะ พยายามนั่นเอง
- มักใช้เรื่องของการสอบ เป็นเครื่องกระตุ้นการเรียน
- ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีตารางการทำงานอย่าวงสม่ำเสมอ

วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2553

กลอนตลก


กลอนผีอำ "

คืนนี้นอนไม่หลับกระสับกระส่าย
เหงื่อโทรมกายแน่นหน้าอกเหมือนถูกผี
ดิ้นไม่ได้มันอึดอัดไม่เข้าที
ดูดีดี ตินใครหว่า อ๋อ..เมียกรู (เฮ้อ! อีเวร)

สักวาผีหลอก "

สักวาวันนี้มีเรื่องบอก
ใช่ลวงหลอกบอกไปให้ขวัญหาย
ฉันเห็นคนห่มผ้าขาวเดินเยื้องกราย
แทบวางวายมองออกไป
........อ๋อ! แม่ชี

การทำไข่เค็ม


การทำไข่เค็ม

วัสดุอุปกรณ์
1. ไห หรือภาชนะบรรจุ
2. เกลือเม็ด 1 ถ้วยตวง
3. น้ำ 4 ถ้วยตวง
4. ไข่เป็ด 10 ฟอง
5. หม้อต้ม
6. เตาไฟ
7. ถุงพลาสติก
8. ยางรัด
9. ผ้าขาวบาง
10. สารส้ม
วิธีทำ
1. ตวงน้ำและเกลือตามอัตราส่วน ต้มให้เกลือละลายทำการกรองทิ้งไว้ให้เย็น
2. ล้างไข่เป็ดให้สะอาด ผึ่งลมให้แห้ง วางเรียงในภาชนะบรรจุ
3. เทน้ำเกลือลงในภาชนะบรรจุ
4. นำถุงพลาสติกใส่น้ำเกลือมัดปากถุงให้แน่นนำมาวางกดทับไข่ (ไข่ต้องจมอยู่ในน้ำเกลือตลอดเวลา)
5. นำผ้าพลาสติกปิดปากไหมัดให้แน่นปกปิดมิดชิด เก็บไว้ประมาณ 21 วัน
6. เมื่อครบ 21 วันนำไข่ออกมาล้างให้สะอาดนำไปต้มใช้ไฟปานกลาง นานประมาณ 30 นาที (ในขั้นตอนนี้ให้ใส่สารส้มเล็กน้อยเพื่อให้สารส้มกัดสีผิวของเปลือกไข่ ให้ขาวนวลดู สะอาดสวยงาม น่าซื้อ น่ารับประทาน)
ไข่เค็มสูตรนี้เมื่อต้มเสร็จแล้วสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน อย่างน้อย 25 วัน
ที่มา : เอกสารประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี

การปลูกพืชไร้ดิน (Soilless Culture) ด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics)

การปลูกพืชไร้ดิน (Soilless Culture) ด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics)

จากในอดีตที่ผ่านมาการปลูกพืชไร้ดิน ถือว่าเป็นการปลูกพืชโดยใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนค่อนข้างสูงเกินไปสำหรับเกษตรกรบ้านเรา แต่เนื่องจากการปลูกพืชในดินติดต่อกันมาเป็นเวลานานมากทำให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งดินเค็ม, เดินเปรี้ยว, แมลงศัตรูพืช ทำให้ต้องใช้สารเคมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงได้มีการคิดค้นดัดแปลงวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการปลูกพืชไร้ดิน โดยใช้อุปกรณ์เก่าจากโรงเรือนฟาร์มไก่ไข่ มาทำเป็นแปลงปลูก และใช้ระบบน้ำวนไหลผ่านรากพืช โดยใส่ธาตุอาหารที่พืชต้องการลงในถังน้ำ ซึ่งทำให้ลดต้นทุนการปลูกพืชไร้ดินลงได้มาก จากการลองผิดลองถูกมาเป็นเวลา 1 ปีเต็ม ก็ได้ผลผลิตตามที่ตลาดต้องการ และที่สำคัญคือไม่ต้องใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงศัตรูพืช ทำให้ผลผลิตที่ได้ปลอดภัยต่อผู้บริโภคจริงๆ

ข้อดีของการปลูกพืชไร้ดิน
1. สามารถปลูกพืชได้ทั้งปีเป็นการเพิ่มมูลค่าของผลผลิตให้สูงขึ้นกว่าแบบเก่า 50-100% และยังสามารถออกแบบให้ประหยัดพื้นที่การปลูกได้ด้วย
2. ดูแลได้ทั่วถึงเนื่องจากเป็นระบบที่ง่ายต่อการควบคุมและป้องกันโรคและแมลง ไม่ใช้สารเคมีกำจัดแมลง 100% และไม่มีปัญหาในการกำจัดวัชพืชในพื้นที่ปลูก
3. ประหยัดน้ำและปุ๋ยเพราะสามารถควบคุมได้ตามที่พืชต้องการ
4. ไม้ต้องไถพรวน สามารถลดการทำลายหรือชะล้างหน้าดิน
5. มีผลผลิตสม่ำเสมอ และอายุเก็บเกี่ยวเร็วขึ้น เนื่องจากพืชสามารถนำธาตุอาหารไปใช้ได้อย่างสม่ำเสมอ
6. ผลผลิตที่ได้มีความสะอาด สด คุณภาพดี และที่สำคัญคือ ปลอดสารพิษ
7. สามารถพัฒนาการปลูกไปในเชิงพาณิชย์ได้

ข้อเสียของการปลูกพืชไร้ดิน

เนื่องจากมีการดัดแปลงแก้ไขและปรับปรุงในระบบเรื่อยมา ทำให้ลดข้อเสีย
ต่างๆที่เคยพบในอดีตลงไปได้มาก เช่น
1.ข้อเสียในเรื่องของเทคโนโลยีต่างประเทศที่ราคาค่อนข้างสูง ตอนนี้สามารถใช้ภูมิ
ปัญญาชาวบ้านดัดแปลงได้ ซึ่งผลผลิตที่ได้ก็ไม่ได้แตกต่างกัน
2. ความหลากหลายของพืชที่ปลูกไร้ดิน ในระยะแรกจะปลูกเฉพาะผักต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ แต่ใน ปัจจุบันนี้สามารถปลูกได้ทั้งผักไทย ผักจีน และผักต่างประเทศ
3. ผู้ปลูกต้องมีความรู้อย่างแท้จริงต่อการปลูกพืชไร้ดิน ซึ่งในปัจจุบันได้มีเอกสารแนะนำ และสามารถขอข้อมูลได้จากสำนักงานเกษตรในทุกพื้นที่
4. เรื่องของตลาดนั้นในปัจจุบันไม่ถือเป็นปัญหาอีกต่อไป เพราะผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีต่อเกษตรกรที่สนใจทำธุรกิจการปลูกพืชไร้ดินมากขึ้น

ความปลอดภัยต่อผู้บริโภคพืชไร้ดิน

การปลูกพืชไร้ดินเป็นการนำสารละบายธาตุอาหารมาละลายโดยใช้ธาตุอาหารที่เหมาะสมต่อความต้องการของพืชเช่นเดียวกับการปลูกพืชในดิน แต่ต่างกันตรงพืชที่ปลูกในดินจะต้องอาศัยจุลินทรีย์มาเปลี่ยนเป็นรูปของธาตุอาหารซึ่งบางครั้งหากในดินมีธาตุโลหะหนัก เช่นดีบุก ตะกั่ว แคดเมียม ซึ่งเป็นพิษต่อผู้บริโภค จุลินทรีย์ก็เปลี่ยนให้พืชสามารถดูดธาตุที่เป็นพิษเข้าไปได้ แต่ในขณะที่การปลูกพืชไร้ดินเราสามารถควบคุมธาตุที่มีความจำเป็นเฉพาะการเจริญเติบโตของพืชและความปลอดภัยต่อผู้บริโภคเท่านั้น

กลอนวันปีใหม่ 2553 (3)

หวังอะไรได้ดั่งที่วาดหวัง
ขอพลังจงอยู่คู่เสมอ
ให้ก้าวมั่นสิ่งใดสมใจเธอ
มีความสุขอยู่เสมอ..ทุกคืนวัน

***************************************
ไม่นานก็คงสิ้นปี
สิ่งใดใดไม่ดีให้จางหาย
ก้าวเข้าสู่ปีหน้าเมื่อคราใด
สิ่งดีดีรีบมาใกล้...ให้สมพร

*****************************************
ปีนี้อาจไม่ดีอย่างที่หวัง
ถูกใจเธอหรือยัง...อย่าไปสน
ปีหน้าฟ้าใหม่ไม่อับจน
ขอทุกอย่างสัมฤทธิ์ผลสมดั่งใจ

****************************************
ที่มา http://www.tlcthai.com/

รวมกลอนวันพ่อ รับวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม


กลอนวันพ่อ บทที่ 1
นึกถึงวันที่ผ่านมาพ่อพาเที่ยว....หวังสิ่งเดียวคือความสุขของเรานี่
ที่ผ่านมาทำสิ่งใดที่ไม่ดี....ขอโทษที มิได้มีเจตนา
วันที่ 5 ธันวา มาบรรจบ.....ครบเวลามาหลายครั้งดังใจหมาย
บอกรักพ่อเสียไห้ได้ก่อนตัวตาย....ก็สมแล้วที่เป็นชายกระตัญญู
หากวันนี้ไม่มีสิ่งใดจะไห้พ่อ.....จงไปขอกราบการนแทบเท้าท่าน
พ่อของเราเป็นคนดีทุกสิ่งอัน.....คอยเลือกสรรค์สิ่งดีๆไห้กับเราวั
นเวลาผ่านไปพ่อแก่เฒ่า..... คอยมาเฝ้าตั้งวงเหล้าเริ่มป่อยหน
จึงไม่ค่อยมีเวลาดูแลตน..... จงคอยเป็นอีกคนรวมวงเมา

กลอนวันพ่อ บทที่ 2
เป็นสองมือ อุ้มชู เลี้ยงดูลูก .....เป็นสายใย พันผูก คอยห่วงหา
เป็นอ้อมกอด อบอุ่น ค้ำจุนมา .....เป็นสายตา ห่วงใย ใคร่อาทร
ยามเจ็บไข้ เฝ้าดูแล ด้วยชีวิต .....ยามพลั้งผิด ท่านอบรม คอยบ่มสอน
ยามเหนื่อยหน่ายกำลังใจไม่สั่นคลอน.....ยามใดใด ยังอาทร ไม่เปลี่ยนแปร
ด้วยความรัก ของพ่อ ที่ยิ่งใหญ่ .....ด้วยหัวใจ สะอาดใส เป็นแน่แท้
ด้วยชีวิต เพื่อลูก .. เฝ้าดูแล .....ด้วยสองมือ ไม่ผันแปร เป็นอื่นใด

กลอนวันพ่อ บทที่ 3
อุ่นไอในรักพ่อ.....ผู้ร่วมก่อทอความฝัน
ถักรักจักยืนยัน..... ร่วมแบ่งปัญสรรใจกาย
รักผ่านซ่านดวงจิต.....แม่ร่วมคิดประดิษฐ์หมาย
กำเหนิดก่อเกิดกาย.....ลูกหญิงชายได้สิ่งดี

กลอนวันพ่อ บทที่ 4
คุณพ่อผู้ก่อเกิด..... ให้กำเหนิดเกิดทุกสิ่ง
ด้วยรักจากใจจริง.....รวมหลายสิ่งยิ่งผูกพัน
จากลูกพ่อปลูกรัก.....เกิดตระหนักทุกสิ่งสรร
อุ่นไอสายสัมพันธ์.....ลูกยึดมั่นขอวันทา

กลอนวันพ่อ บทที่ 5
อนุสรณ์กลอนรักฝากให้พ่อ
เป็นรอยต่อสองภพจบประสาน
เมื่อพ่อจากลาไปไกลดวงมาลย์
ทั้งลูกหลานแม่ยังรักจักอาลัย
แม้วันนี้สิ้นพ่อต่อสานรัก
เฝ้าฟูมฟักดูแลช่วยแก้ไข
อย่ากังวลทุกอย่างต้องผ่านไป
เพราะในใจลูกมีพ่อต่อพลัง
ที่มา http://www.zazana.com/

ความเป็นมาวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวา ( วันพ่อ )

ความเป็นมาวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวา ( วันพ่อ )
5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางราชการได้กำหนดให้เป็นวันหยุดราชการหนึ่งวัน เพื่อให้ประชาชนชาวไทย ได้ร่วมกันเฉลิมฉลองในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ ถือเป็นวันพ่อแห่งชาติ อีกวันหนึ่งด้วย วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความเป็นมาของวันสำคัญ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชสมภพเมื่อ วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ณ โรงพยาบาล เมาท์ ออเบิร์น นครบอสตัน สหรัฐอเมริกา โดยนายแพทย์วิทท์มอร์ เป็นผู้ถวายการประสูติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นรัชกาลที่ 9 แห่งบรมจักรีวงศ์ กรุงรัตนโกสินทร์ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจและเจริญพระราชจริยาวัตรเป็นเอนกประการ จำเนียรกาลผ่านมาถึงปัจจุบันที่สุดจะพรรณนาให้ครบถ้วนได้ ท่ามกลางมหาสมาคมวันพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก ทรงมีกระแสพระราชดำรัสที่พสกนิกรทุกคนยังจดจำได้ "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม" อันคำว่าโดย "ธรรม" นั้น ทรงหมายถึง ธรรมอันล้ำเลิศที่เรียกว่า "ทศพิธราชธรรม" หรือที่เรียกกันโดยสามัญว่า "ราชธรรม 10 ประการ" ราชธรรม 10 ประการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงยึดมั่นทรงปฎิบัติโดยเคร่งครัด และส่งผลถึงพสกนิกรทั่วพระราชอาณาจักรนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเหนือเกล้าฯ
วันพ่อแห่งชาติ ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษาเป็นผู้ริ่เริ่ม หลักการและเหตุผลในการจัดตั้งวันพ่อ โดยที่พ่อเป็นผู้มีพระคุณที่มีบทบาทสำคัญ ต่อครอบครัวและสังคม สมควรที่ผู้เป็นลูกจะเคารพเทิดทูนตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสมควรที่สังคมจะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ จึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปีซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาเป็น "วันพ่อแห่งชาติ" ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างนานัปการ ทรงเป็นพระราชบิดาของพระราชโอรสและพระราชธิดา ทรงรักใคร่และห่วงใยตั้งแต่พระเยาว์จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งพระเจ้าหลานเธอทุกพระองค์ต่างซาบซึ้งและปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณอย่างมิรู้ลืม พระองค์ทรงเป็น "พ่อ" ตัวอย่างของปวงชนชาวไทยที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตากรุณา ทรงห่วงใยอย่างหาที่เปรียบมิได้

" กลอนวันครู "


" กลอนวันครู "


วันสิบหก มกรา ข้าเคารพ
ขอน้อมนบ แด่ครู ผู้สั่งสอน
คอยอบรม บ่มวินัย ให้รู้นอน
กับคำสอน ล้ำค่า แสนสำคัญ
ศิษย์น้อมกราบ ขอบพระคุณ คุณครูเหลือ
ที่คอยเกื้อ เจือจุน หนุนใจฉัน
ทุกสิ่งดี ที่บัดนี้ มีทุกวัน
ก็เพราะครู ผู้เลอสรรค์ บันดาลมา
มีเพียงคำ กล่าวเอ่ย เผยให้รู้
แด่คุณครู ผู้ชี้ทาง การศึกษา
ศิษย์วันนี้ ดีได้นั้น ด้วยปัญญา
ที่คุณครู ผู้ชี้ฟ้า นำข้าไป

กลอนวันแม่


” กราบเท้าแม่ ”
พระคุณแม่ แท้จริง สุดยิ่งใหญ่
จะหาไหน มาเทียบ เปรียบแม่ได้
แม่รักลูก ฟูมฟัก จากดวงใจ
รักจากใคร ก็มิแม้น มาแทนทัน

บรรจงกราบ แทบเท้า ของคุณแม่
ปิติแผ่ ซาบึ้ง จึงเอ่ยขาน
บทกวี ร้อยกรอง ด้วยกลอนกานท์
ก้มกราบกราน แม่เรา ทุกเช้าเย็น

” รักแม่..สุดหัวใจ ”
แม่ครับ..แม่ คือผู้ให้ ..ความรัก..
แม่ครับ..แม่ คือผู้ให้ ..การศึกษา..
แม่ครับ..แม่ คอยเฝ้าเลี้ยง ..ดูลูกมา..
แม่ครับ..แม่ คอยดุด่า ..ให้ลูกดี..
แม่ครับ..แม่ เปรียบเหมือนพระ ..คอยปกป้อง..
แม่ครับ..แม่ เปรียบโคมทอง ..ส่องวิถี..
แม่ครับ..แม่ เปรียบประหนึ่ง ..ดุจชีวี..
แม่ครับ..แม่ ลูกคนนี้ ..รักแม่ ที่สุดเลย..

วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553

นิทาน สุนัขจิ้งจอกกับนกกระสา


สุนัขจิ้งจอกกับนกกระสา

ครั้งหนึ่งมีนกกระสาที่เต้นรำเก่งมาก อยู่ตัวหนึ่ง นกกระสาตัวนี้จะออกมาเต้นรำให้ พวกสัตว์ป่าดูอยู่ด้วยความเพลิดเพลินอยู่ที่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่งในทุก ๆ วัน มันมีความ ภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่พวกสัตว์ป่าทั้งหลายได้ยกย่องให้มันว่าเป็นที่หนึ่งแห่งการเริงระบำ ของมวลสัตว์ต่าง ๆ และวันนี้ก็เช่นกันมันได้ออกมาเริงระบำอย่างที่เป็นมาตามปกติ แต่ คราวนี้หรือวันนี้...ได้เกิดมีความไม่เป็นปกติ เกิดขึ้นมาเข้าอย่างหนึ่ง คือได้มีสุนัขจิ้งจอกขี้อิจฉา ตัวหนึ่งได้ออกมาเลียนแบบ เต้นรำคู่ไปกับมันด้วยอยู่ข้าง ๆ เจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวนี้น่ะหรือ... มันเพียงแต่แค่นึกอิจฉานกกระสามากเป็นที่สุดเท่านั้นเอง...จึงได้ออกมาร่ายรำอวดสัตว์ป่าต่าง ๆบ้าง เพราะอยากที่จะได้คำชมบ้างเท่านั้นเอง แต่พวกสัตว์ป่าต่าง ๆ สิ ให้เป็นหวาดกลัวไปตาม ๆกัน เลยทีเดียว ' เจ้าสุนัขจิ้งจอกมันต้องหวังทำให้พวกเราเพลิดเพลินจนลืมตัว แล้วจับกินตอนนั้น อย่างแน่นอนเลย... ' พวกสัตว์ป่าทุกตัวเลยพากันวิ่งหนี วงแตกกระจายไปหมด

และเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นเข้า เจ้าสุนัขจิ้งจอกมันให้เป็นแค้นเคืองใจนกกระสาเป็นอย่างมาก 'โอ้ย เจ็บใจจังข้าจะเต้นรำเก่งน้อยไปกว่านกกระสาตัวนั้น จนพวกสัตว์ป่าต่าง ๆไม่อยากมองจนวิ่งหนีกัน ไปหมดอย่างนั้นได้ทีเดียวหรือนี่....ฮึ หมั่นใส่เจ้านกกระสาเสียจริง ๆ อย่างนี้ต้องแกล้งให้มันเจ็บใจเล่นบ้าง เห็นจะดี เหอ ๆๆๆ ' และเมื่อคิดได้ดังนั้น มันจึงทำเป็นไปผูกมิตรทำเป็นใจดี ชวนนกกระสามากินอาหาร ที่บ้านของมัน เจ้าสุนัขจิ้งจอกเอ่ยปากชวนนกกระสาว่า ' เราอยากจะเชิญท่านไปกินอาหารที่บ้าน ของเราสักหน่อย' 'ขอบใจมาก' นกกระสาจึงตอบรับ ' เรายินดีที่จะไป'

แต่เมื่อนกกระสามาถึงบ้านของเจ้าสุนัขจิ้งจอกแล้วนั้น มันได้พบว่าสุนัขจิ้งจอกได้ จัดอาหารที่จะเลี้ยงไว้ในจานแบน ๆ 2 จาน นกกระสาไม่สามารถที่จะกินอาหารในจาน นั้นได้ เพราะจะงอยปากของมันยาวนั่นเอง มันให้เป็นหนักใจเป็นอย่างมากกับอาหารใน จานแบน ๆ นั้น แต่มันก็พยามยามที่จะกินเพื่อไม่อยากให้เสียมารยาท โดยใช้จะงอยปาก ของมันจิกลงไปในจานนั้น จนน้ำซุปที่อยู่ในจานกระฉอกออกมาจนเลอะเทอะไปหมด แต่เจ้าสุนัขจิ้งจอก สิ..มันแอบมองแล้วสะแหยะยิ้มออกมาด้วยความสะใจเป็นอย่างมากที่สามารถแกล้งนกกระสาได้อย่างนั้น

เจ้าสุนัขจิ้งจอกแกล้งเฉยทำหน้าตาย กินอาหารในจานของมันอย่างสะดวกสบายและเอร็ดอร่อย ซ้ำยังกล่าวกับนกกระสาให้เจ็บใจเล่นอีกด้วยว่า ' อ้าว..ท่านไม่ชอบอาหารในจานของท่านหรอกหรือ? ถึงได้กินอย่างเสียมารยาทจนสกปรกเลอะเทอะแบบนั้น ถ้าอย่างนั้นล่ะก้อ เราจะช่วยกินแทนให้ท่านเอง แล้วกัน..โห ๆๆๆ ' ดังนั้น เจ้าสุนัขจิ้งจอกจึงกินอาหารในจานของมันและรวมทั้งที่อยู่ในจานของนกกระสา เสียจนหมดอีกด้วย นกกระสาจึงกลับไปด้วยความหิวเพราะแทบจะไม่ได้กินอะไรเลยสักนิด ' เจ้าสุนัขจิ้งจอก มันต้องตั้งใจแกล้งเราอย่างแน่นอนเลยงานนี้ ฝากไว้ก่อนเถอะ คงมีสักวันที่ฉันจะต้องทำให้เธอได้เจ็บใจ บ้าง ฮึ'
ต่อมาจากนั้นไม่นาน นกกระสาก็ได้เขียนจดหมายชวญเชิญสุนัขจิ้งจอกให้มากินอาหารที่บ้านของตนบ้าง ' ท่านสุนัขจิ้งจอก เราอยากจะขอเชิญท่านมารับประทานอาหารที่บ้านของเราบ้าง เพื่อเป็นการ ตอบแทนในน้ำใจของท่าน ' เจ้าสุนัขจิ้งจอกด้วยมันกำลังหิวอยู่ตอนนั้น เลยลืมเรื่องที่มันเคยได้แกล้ง นกกระสาเอาไว้นั้นเสียสนิท เมื่อมันได้รับจดหมายชวญกินอาหารอย่างนั้นก็ให้เป็นดีใจ จึงรีบเดินทาง ไปที่บ้านของนกกระสาทันทีนั้นเลย

เมื่อมาถึง...นกกระสาได้เชิญให้สุนัขจิ้งจอกเข้ามาข้างในแล้ว มันก็ได้ยกอาหารที่ได้จัดเตรียมใส่ไว้ใน เหยือกคอสูงสองใบ ออกมาวาง คราวนี้จึงถึงคราวที่เจ้าสุนัขจิ้งจอก ไม่สามารถจะกินอาหารที่อยู่ ในเหยือกนั้นได้ มันจึงต้องเป็นฝ่ายต้องนั่งเฝ้าดู ขณะที่นกกระสากินอาหารในเหยือกทั้งสองใบนั้น อย่างเอร็ดอร่อย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
๐ ถ้าใช้เล่ห์กลกับบุคคลอื่นได้ คนอื่นก็อาจจะใช้เล่ห์กลอย่างเดียวกันได้เช่นกัน
ที่มา http://baby.kapook.com/

นิทานชาดก – ยอดหญิงกตัญญู


สาเหตุที่ตรัสชาดก :: …..สมัยพุทธกาล ณ แคว้นโกศล มีโจรกลุ่มหนึ่งปล้นสะดมชาวบ้านแล้วหนีไป ชาวบ้านจึงพากันหาโจรจนมาถึงหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง พบชาย ๓ คนกำลังไถนาอยู่ จึงคิดว่าเป็นโจรปลอมเป็นชาวนา จึงจับกุมทุบตีแล้วคุมตัวมาถวายพระเจ้าโกศล …..ต่อมา ได้มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง เดินร้องให้รำพันรอบๆ พระราชวัง ขอพระราชทานเครื่องนุ่งห่ม ความทราบถึงพระเจ้าโกศล พระองค์มีรับสั่งให้นำผ้าสาฎกไปมอบให้แก่นาง แต่นางกลับยิ่งร้องไห้หนักขึ้นและกล่าว “ขอพระราชทานเครื่องนุ่งห่ม คือสามี” …..ราชบุรุษจึงนำนางไปเข้าเฝ้า พระเจ้าโกศลได้ทรงซักถาม นางจึงว่า “สามีชื่อว่าเครื่องนุ่งห่มของหญิง เมื่อไม่มีสามี แม้จะนุ่งห่มผ้าราคาตั้ง ๑,๐๐๐ กษาปณ์ ก็ชื่อว่าหญิงเปลือยอยู่นั่นเอง แม่น้ำไม่มีน้ำ ชื่อว่าเปลือย แว่นแคว้นไม่มีราชา ชื่อว่าเปลือย หญิงปราศจากสามี ถึงจะมีพี่น้องตั้ง ๑๐ คน ก็ชื่อว่าเปลือย” …..พระเจ้าโกศลเกิดเลื่อมใสจึงตรัสคืนชายหนึ่งคนให้ นางจึงขอพี่ชายและให้เหตุผลว่า ถ้ายังมีชีวิตย่อมหาสามีใหม่และมีบุตรใหม่ได้ แต่บิดามารดาได้สิ้นชีวิตไปแล้ว ไม่อาจจะมีพี่ชายได้อีก พระเจ้าโกศลเห็นความฉลาดของนางจึงโปรดไว้ชีวิตชายทั้งสาม …..เรื่องดังกล่าวเลื่องลือแม้กระทั่งในหมู่ภิกษุ ความทราบถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงระลึกชาติหนหลังด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ แล้วตรัสเล่า อุจฉังคชาดก ——————————————– :: ข้อคิดจากชาดก :: ๑. ผู้ที่มีหน้าที่ปราบปราม นำคนผิดมาลงโทษ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ อย่าจับคนด้วยเพียงการคาดคะเน เพราะการลงโทษคนบริสุทธิ์เป็นบาปอย่างยิ่ง การปล่อยคนผิดไป ๑๐๐ คน ยังดีกว่าการลงโทษคนบริสุทธิ์เพียงคนเดียว …..๒. คนเราควรหาโอกาส “ตอบแทนคุณ” ของผู้ที่มีพระคุณต่อเราอยู่เสมอ …..๓. ผู้ที่รู้บุญคุณและตอบแทนบุญคุณ ย่อมไม่ถึงความตกต่ำอย่างแน่นอน …..๔. ผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ในหลักธรรม แม้ความตายมาถึงตัว ก็มีสติตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว สามารถเผชิญความตายโดยอาจหาญ ย่อมเป็นผู้ที่ “ประสบสุขได้แม้ในยามทุกข์” …..๕. พี่น้องกันนั้น “ฆ่ากันไม่ตาย ขายกันไม่หมด” แม้จะมีเรื่องผิดใจกันอย่างไร แต่เมื่อมีเรื่องเดือดร้อน ย่อมพึ่งพากันได้

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

กลอนอกหัก


กลอนอกหัก << "


ถึงแม้ต้องเสียน้ำตา
เพื่อให้เธอกลับมาหา
ฉันถึงแม้ต้องร้องไห้ทุกๆวัน
เพื่อให้เรารักกันฉันก้อยอม
+++++++++++++++++++++++
จากวันนี้เธอจะลืมทุกๆอย่าง
ทุกย่างก้าวที่เคยร่วมใฝ่ฝัน
ลืมเรื่องราวความผูกผัน
ที่เคยมีระหว่างกันตลอดไป
จะไม่เหลือเยื่อใยในวันเก่า
ลืมเรื่องราวของเราอย่าหวันไหว
ลืมให้หมดลบให้เกลี้ยงจากใจ
เพราะไม่มีสื่งใดควรจดจำ
+++++++++++++++++++++++
เธอไม่ผิดที่คิดนอกใจฉัน
เธอไม่ผิดที่หลอกกันตกลงไหทม
เธอไม่ผิดที่คิดจะจากไป
เธอไม่ผิดอะไรสักอย่างเลย
ฉันเองที่หลงเอาใจใส่
ฉันเองที่รักเธอจนเมินเฉย
ฉันเองที่คิดจนเกินเลย
ฉันเองที่เธอไม่เคยคิดจะใส่ใจ
+++++++++++++++++++++++
เมื่อเลิกลากันแล้วก็แล้วกัน
จะผูกพันแค่ไหนก้อไร้ผล
คนละเลิกห้ามไม่ได้ใจของคน
จะมาทนอยู่ทำไมรีบไปเลย
+++++++++++++++++++++++
เป็นแค่ปุถุชนคนธรรมดา
ยังไม่บรรลุโสดาเป็นพระอรหันต์
จึงไม่แปลกที่ปวดร้าวทรมาน
เมื่อเธอมาบอกกันว่าจะไป
อยากถามเพียงแค่นี้
ว่าเธอยินดีจะเจ็บแทนฉันไหม
ยอมได้หรือเปล่ายอมปวดร้าวหัวใจ
ถ้ายอมได้ก้อไม่ว่าถ้าอยากลืม
+++++++++++++++++++++++
เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง
ไม่สวยซึ้งประทับใจ
นิสัยง่ายๆไม่เหมือนใคร
แต่จริงใจรักใครแล้วรักเลย
+++++++++++++++++++++++
เพราะความเป็ยหญิง
เลยต้องเก็บบางสิ่งไว้
เก็บไว้จนตัวเองต้องเสียใจ
ในวันที่เธอไม่กลับมา
ถึงวันนี้อยากบอก
ว่าเธอนั้นมีค่า
เธอคือคนสำคัญตลอดมา
และตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลง
+++++++++++++++++++++++
ความมั่นคงเริ่มสั่นไหว
ความไม่มั่นใจเข้ามาแทนที่
ความเชื่อมั่นน้อยลงทุกที
เพราะรู้ว่าคนดีเริ่มเปลี่ยนไป
แววตาเธอไม่เหมือนเก่า
ความสัมพันธ์ระหว่างเราเริ่มจางหาย
คงเพราะระยะทางที่ห่างไกล
รักแท้จึงแพ้ไปอย่างใจยอม
+++++++++++++++++++++++

วิธีการปลูกผักสวนครัว

วิธีการปลูกผักสวนครัว
1. การปลูกผักในแปลงปลูก มีขั้นตอน คือ
1.1 การพรวนดิน ใช้จอบขุดดินลึกประมาณ 6 นิ้ว เพื่อพรวนดินให้มีโครงสร้างดีขึ้น กำจัดวัชพืชในดินกำจัดไข่แมลงหรือโรคพืชที่อยู่ในดิน โดยการพรวนดินตากทิ้งไว้ประมาณ 7-15 วัน
1.2 การยกแปลง ใช้จอบพรวนยกแปลงสูงประมาณ 4-5 นิ้ว จากผิวดิน โดยมีความกว้างประมาณ 1-1.20 เมตร ส่วนความยาวควรเป็นตามลักษณะของพื้นที่หรืออาจแบ่งเป็นแปลงย่อยๆ ตามความเหมาะสม ความยาวของแปลงนั้นควรอยู่ในแนวทิศเหนือ-ใต้ ทั้งนี้เพื่อให้ผักได้รับแสงแดดทั่วทั้งแปลง
1.3 การปรับปรุงเนื้อดิน เนื้อดินที่ปลูกผักควรเป็นดินร่วนแต่สภาพดินเดิมนั้นอาจจะเป็นดินทรายหรือดินเหนียว จำเป็นต้องปรับปรุงให้เนื้อดินดีขึ้นโดยการใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก อัตราประมาณ 2-3 กิโลกรัม ต่อเนื้อที่ 1 ตารางเมตร คลุกเคล้าให้เข้ากัน
1.4 การกำหนดหลุมปลูก จะกำหนดภายหลังจากเลือกชนิดผักต่าง ๆ แล้วเพราะว่าผักแต่ละชนิดจะใช้ระยะปลูกที่แตกต่างกัน เช่น พริก ควรใช้ระยะ 75 x 100 เซนติเมตร ผักบุ้งจะเป็น 5 x 5 เซนติเมตร เป็นต้น
2. การปลูกผักในภาชนะ
การปลูกผักในภาชนะควรจะพิจารณาถึงการหยั่งรากของพืชผักชนิดนั้นๆ พืชผักที่หยั่งรากตื้นสามารถปลูกได้ดีในภาชนะปลูกชนิดต่างๆ และภาชนะชนิดห้อยแขวนที่มีความลึกไม่เกิน 10 เซนติเมตร คือ
ผักบุ้งจีน คะน้าจีน ผักกาดกวางตุ้ง (เขียวและขาว) ผักกาดฮ่องเต้ ผักกาดหอม ผักกาดขาวชนิดไม่ห่อ (ขาวเล็ก ขาวใหญ่) ตั้งโอ๋ ปวยเล้ง หอมแบ่ง (ต้นหอม) ผักชี ขึ้นฉ่าย ผักโขมจีน กระเทียมใบ (Leek) กุยช่าย กระเทียมหัว ผักชีฝรั่ง บัวบก สะระแหน่ แมงลัก โหระพา (เพาะเมล็ด) กะเพรา (เพาะเมล็ด) พริกขี้หนู ตะไคร้ ชะพลู หอมแดง หอมหัวใหญ่ หัวผักกาดแดง (แรดิช)
วัสดุที่สามารถนำมาทำเป็นภาชนะปลูกอาจดัดแปลงจากสิ่งที่ใช้แล้ว เช่น ยางรถยนต์เก่า กะละมัง ปลอกซีเมนต์ เป็นต้น สำหรับภาชนะแขวนอาจใช้ กาบมะพร้าว กระถาง หรือเปลือกไม้
วิธีการปลูกผักในภาชนะแบ่งออกได้เป็น 2 วิธี
2.1 เพาะเมล็ดด้วยการหว่านแล้วถอนแยกหรือหยอดเป็นแถวแล้วถอนแยก ซึ่งพืชที่ควรปลูกด้วยวิธีนี้ ได้แก่
- ผักบุ้งจีน
- คะน้าจีน
- ผักกาดขาวกวางตุ้ง
- ผักกาดเขียวกวางตุ้ง
- ผักฮ่องเต้ (กวางตุ้งไต้หวัน)
- ตั้งโอ๋
- ปวยเล้ง
-ผักกาดหอม
- ผักโขมจีน
- ผักชี
- ขึ้นฉ่าย
- โหระพา
- กระเทียมใบ
- กุยฉ่าย
- หัวผักกาดแดง
- กะเพรา
- แมงลัก
- ผักชีฝรั่ง
- หอมหัวใหญ่
2.2 ปักชำด้วยต้น และด้วยหัว ได้แก่
- หอมแบ่ง (หัว)
- ผักชีฝรั่ง
- กระเทียมหัว (ใช้หัวปลูก)
- หอมแดง (หัว)
- บัวบก (ไหล)
- ตะไคร้ (ต้น)
- สะระแหน่ (ยอด)
- ชะพลู (ต้น)
- โหระพา (กิ่งอ่อน)
- กุยช่าย (หัว)
- กะเพรา (กิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อน)
- แมงลัก (กิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อน)
หมายเหตุ
มีบางพืชที่ปลูกด้วยหัว หรือส่วนของต้นก็ได้ ปลูกด้วยเมล็ดก็ได้
ดังนั้น จึงมีชื่อผักที่ซ้ำกันทั้งข้อ 1 และ 2

สุภาษิตไทย

สุภาษิต หมวด
หมวด ก

กงกำกงเกวียน
เวรสนองเวร กรรมสนองกรรม

กระต่ายหมายจันทร์
หวังในสิ่งที่เกินตัว

กลมเป็นลูกมะนาว
หลบหลีกไปได้คล่องแคล่วจนจับไม่ติด ( มักใช้ในทางไม่ดี )

กำขี้ดีกว่ากำตด
ได้บ้างดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

กำแพงมีหู ประตูมีตา
การที่จะพูดหรือทำอะไรให้ระมัดระวัง แม้จะเป็นความลับเพียงไรก็อาจมีคนล่วงรู้ได้

กิ่งทองใบหยก
เหมาะสมกัน ใช้แก่หญิงกับชายที่จะแต่งงานกัน

กิ้งก่าได้ทอง
ชอบโอ้อวดในสิ่งที่ตนมีเพื่อให้ผู้อื่นรู้ เพื่อให้ผู้อื่นสนใจตน

กินบนเรือนขี้บนหลังคา
เนรคุณ เป็นผู้ไม่รู้คุณของผู้อื่น

แกว่งตีนหาเสี้ยน
รนหาเรื่องเดือดร้อน

ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
ต่างฝ่ายต่างรู้ความลับซึ่งกันและกัน


หมวด ข

ขมิ้นกับปูน
ชอบวิวาทกันอยู่เสมอเมื่ออยู่ใกล้กัน , ไม่ถูกกัน

ข้าวใหม่ปลามัน
อะไรที่เป็นของใหม่ก็ถือดี , นิยมเรียกช่วงที่สามีภรรยาเพิ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ ว่า "ข้าวใหม่ปลามัน"

เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
บอกหรือสอนแล้วไม่ได้ผล

เข็นครกขึ้นภูเขา
ทำงานที่ยากเกินความสามารถของตนเอง


หมวด ค

คมในฝัก
ลักษณะของผู้ฉลาด แต่นิ่งเงียบ ไม่แสดงความฉลาดนั้นออกมาโดยไม่จำเป็น มีความรู้ความสามารถ แต่เมื่อยังไม่ถึงเวลาก็ไม่แสดงออกมาให้ปรากฎ
ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก
ความวุ่นวายเดือดร้อนอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นมีไม่รู้จบสิ้นหรือผ่านพ้นไป ความวุ่นวาย เดือดร้อนอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นมาอีก
คางคกขึ้นวอ
คนมีฐานะต่ำต้อย พอได้ดิบได้ดีก็มักแสดงกิริยา อวดดีจนลืมตัว


หมวด ง

งมเข็มในมหาสมุทร
ค้นสิ่งที่ยากจะค้นหาได้ ทำกิจที่สำเร็จได้ยากยิ่ง
งามแต่รูปจูบไม่หอม
มีรูปร่างงาม แต่มีความประพฤติและกิริยามารยาทไม่ดี


หมวด จ

จับปลาสองมือ
โลภมาก มักลาภหาย อยากได้หลายอย่างแต่ในที่สุดไม่ได้สักอย่างเดียว
จับเสือมือเปล่า
แสวงหาผลประโยชน์โดยตัวเองไม่ต้องลงทุน


หมวด ช

ชักใบให้เรือเสีย
พูดหรือทำขวางๆ ให้การสนทนาหรือการทำงานขวออกนอกเรื่องไป
ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิด
ความชั่ว หรือความผิดร้ายแรงที่คนทั่วไปรู้จักกันทั่วแล้ว จะปิดยังไงก็ปิดไม่มิด
ชิงสุกก่อนห่าม
ด่วนทำสิ่งที่ยังไม่สมควรแก่วัยหรือไม่ถึงเวลา

หมวด ซ

ซื้อควายหน้านา ซื้อผ้าหน้าตรุษ
ซื้อของไม่คำนึงถึงกาเวลา ของที่ถูกก็ต้อง ซื้อแพง, ทำอะไรไม่เหมาะกับกาลเวลา


หมวด ด

ดาบสองคม
มีทั้งคุณและโทษ , อาจดีอาจเสียก็ได้
ได้ทีขี่แพะไล่
ซ้ำเติมเมื่อผู้อื่นเพลี่ยงพล้ำลง


หมวด ต

ตักน้ำรดหัวตอ
แนะนำพร่ำสอนเท่าไหรก็ไม่ได้ผล
ตัดหางปล่อยวัด
ตัดขาดไม่เกี่ยวข้อง ไม่เอาเป็นธุระอีกต่อไป
ตำข้าวสารกรอกหม้อ
หาเพียงแต่พอกินไปมื้อหนึ่ง ๆ , ทำให้พอเสร็จไปชั่วครั้งหนึ่งๆ
ตีวัวกระทบคราด
โกรธคนหนึ่งแต่ทำอะไรเขาไม่ได้ไพล่ไปรังควาน


หมวด ถ

เถียงคำไม่ตกฟาก
พูดคำเถียงคำไม่หยุดปาก , เถียงโดยไม่ฟังเหตุผล


หมวด ท

ทำนาบนหลังคน
ทำกินโดยเอารัดเอาเปรียบผู้ที่ออกแรงทำงานนั้นๆ


หมวด น

น้ำขึ้นให้รีบตัก
มีโอกาสก็ควรรีบทำ
น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า
พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

หมวด ป

ปลาใหญ่กินปลาเล็ก
ประเทศหรือคนที่มีอำนาจ หรือ ผู้ใหญ่ ที่กดขี่ข่มเหงผู้อ่อนแอหรือผู้น้อย
ปากปราศรัยใจเชือดคอ
พูดดีแต่ใจคิดร้าย
ปิดทองหลังพระ
ทำความดีแต่ไม่ได้รับการยกย่อง เพราะ ไม่มีใครเห็นคุณค่า


หมวด ผ

ผักชีโรยหน้า
การทำความดีเพียงผิวเผิน
ผ้าขี้ริ้วห่อทอง
คนมั่งมีแต่งตัวซอมซ่อ


หมวด ฝ

ฝนตกขี้หมูไหล
พลอยเหลวไหลไปด้วยกัน มักใช้เข้าคู่กับ คนจัญไรมาพบกัน
ฝนทั่งให้เป็นเข็ม
เพียรพยายาม สุดความสามารถจนกว่าจะสำเร็จผล


หมวด พ

พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง
พูดไปไม่มีประโยชน์ นิ่งเสียดีกว่า
แพะรับบาป
คนที่รับเคราะห์กรรมแทนผู้อื่นที่ทำกรรมนั้น


หมวด ฟ

ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา
ฟังแล้วไม่รู้เรื่อง ฟังแล้วจำไม่ได้


หมวด ม

มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ
ไม่ช่วยแล้วยังขัดขวางการทำงานของผู้อื่น
ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก
อบรมสั่งสอนให้เด็กประพฤติดีได้ง่ายกว่า อบรมสั่งสอนผู้ใหญ่

หมวด ย

ยุให้รำตำให้รั่ว
ยุให้แตกกัน ยุให้ผิดใจกัน


หมวด ร

รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง
ทำไม่ดีหรือทำผิดแล้วไม่รับผิด กลับโทษผู้อื่น
รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง
รู้จักเอาตัวรอดหรือปรับตัวให้เข้ากับ เหตุการณ์ได้รวดเร็ว
เรือร่มในหนองทองจะไปไหน
คนในเครือญาติแต่งงานกัน ทำให้ทรัพย์สมบัติ ไม่ตกไปอยู่กับผู้อื่น


หมวด ล

ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก
ดีแต่พูด ทำจริง ๆ ไม่ได้
ลิ้นกระทบฟัน
ญาติพี่น้อง หรือผัวเมียทะเลาะกัน


หมวด ว

วัวลืมตีน
คนที่ได้ดีแล้วลืมตัว


วัวหายล้อมคอก
ของหายแล้วจึงคิดป้องกัน เกิดเรื่องแล้วจึงแก้ไข


หมวด ส

สอนหนังสือสังฆราช
สอนผู้มีความรู้ความสามารถอยู่แล้ว
สีซอให้ควายฟัง
สอนคนโง่ไม่รู้เรื่อง แนะนำคนโง่ไม่มีประโยชน์
เส้นผมบังภูเขา
เรื่องเล็กบังเรื่องใหญ่ , เรื่องง่ายคิดไม่ออกเห็นว่าเป็นเรื่องยาก
เสน่ห์ปลายจวัก
เสน่ห์ที่เกิดจากฝีมือปรุงอาหารให้โอชารส


หมวด ห

หนีเสือปะจระเข้
หนีภัยอันตรายอย่างหนึ่ง แล้วต้องพบกับอันตราย อีกอย่างหนึ่ง มักใช้เข้าคู่กับคำว่าต้นไม้ปะรังแตน

http://www.tlcthai.com/

นิทานลูกหมู3ตัว

กาลครั้งหนึ่ง.......แม่หมูให้ลูกๆ ออกไปเผชิญโลกภายนอกด้วยตัวเอง
หมู 3 พี่น้องออกเดินทางได้ซักพัก หมูผู้พี่คนโตที่แซ้นนนจะขี้เกียจก็ร่ำลาน้องๆ หยุดสร้างบ้านด้วยฟาง เพราะว่ามันง่าย แล้วก็เร็วที่สุด จะได้พักแต่งหน้าซักที........แล้ววันนั้นเอง หมาป่าก็ย่องเข้ามาหมายจะงาบบบ บ้านที่สร้างด้วยฟาง ไม่อาจต้านแรงได้ หมูหนึ่งวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ไปหาหมูสองผู้น้อง..........ที่สร้างบ้านด้วยไม้

หมูสอง ต้อนรับหมูหนึ่งได้ไม่นาน เหตุการณ์เดิมๆ ก็มาเยือน....เจ้าหมาป่าตามมาอีกจนได้......แม้แต่บ้านไม้ที่คงทนกว่าก็ยังต้านไม่ไหว........สองพี่น้องจึงต้องไปหาหมูสามเป็นที่พึ่งสุดท้าย

หมูสามยังสร้างบ้านไม่เสร็จ....บ้านอิฐอลังการที่ใช้เวลาสร้างนานมั่กมายกว่าจะได้พัก ก็ได้ประเดิมด้วยการต้อนรับผู้ลี้ภัยทั้ง 2 พอดิบพอดี แบบปูนที่ฉาบยังไม่แห้ง.............คราวนี้หมาป่าชะล่าใจ ว่าตัวเองแข็งแรง ยังไงก็ได้งาบ 3 หมูแน่นแน่ เลยปล่อยให้ 3 หมูฉลองบ้านใหม่กันไปก่อน.....แต่!! เหตุการณ์พลิกโผ บ้านอิฐสร้างเสร็จ ปูนแห้งแข็งกว่า แม้แต่แรงหมาป่าก็ไม่สามารถทำลายบ้านอิฐได้ ไม่ว่าจะขย่มหลังคา หรือตดใส่ บ้านอิฐก็ไม่หวั่น....จนหมาป่าแก่หมดแรง เผลอหลับไป หมูทั้งสามก็เลยจับหมาป่ามาล่ามโซ่เฝ้าบ้านซะเลย คริๆ

นิทานราชสีห์กับหนู

วันหนึ่งได้มีราชสีห์ตัวหนึ่งนอนหลับกลางวันอยู่ที่ในป่าใหญ่ที่อัฟริกา แล้วในขณะนั้น ในขณะที่มันกำลังหลับอย่างสนิทอยู่นั้น ก็เผอิญได้มีแม่หนูตัวหนึ่งเดิน ผ่านมาอย่างรีบเร่ง มันคิดว่าได้เดินแหวกพงหญ้าอยู่แต่ที่ไหนได้ล่ะ ที่นั่น กลับกลายเป็นขนลำแพนคอของราชสีห์ไปเสียนี่.." ใคร?? ใครมันมาบังอาจ รบกวนการนอนหลับกลางวันของข้านี่..หือ! " พูดเแล้วราชสีห์ตัวนั้นก็ใช้มืออัน ใหญ่โตของมันตะปบแม่หนูตัวนั้นไว้ในทันที

One day a lion was asleep in the prairie in Africa. A mouse was running in the mane of the lion, mistaking to grass. "Who is the one who interferes with my nap?" The mouse has been held by the huge paw of the lion.

" นึกว่าอะไร..ที่แท้ก็เป็นแค่หนูตัวเล็ก ๆ ไม่พอยาใส้เป็นอาหารมื้อกลางวัน ของข้าได้หรอก " แม่หนูได้ยกมือขึ้นพนมแล้วได้พูดอ้อนวอนขอร้องกับ ราชสีห์ตัวนั้นว่า " ท่านราชสีห์ ได้โปรดช่วยไว้ชีวิตด้วยเถิด... เพราะที่บ้านของข้าพเจ้านั้นยังมีลูกๆ ที่ยังตัวเล็ก ๆอยู่ตั้งเจ็ดตัวและรอคอยการกลับ มาของข้าพเจ้าอยู่ " " อ้อเจ้ามีลูกด้วยหรือ ก็เป็นแม่หนูสิ? " "ใช่ค่ะ,แล้วตัวของข้าพเจ้านั้นก็เล็กแค่เพียงนิดเดียว กินเข้าไปก็ไม่สามารถที่จะทำ ให้ท่านรู้สึกว่าอิ่มได้เลยใช่ไหม?ถ้าท่านใจดีช่วยปล่อยข้าพเจ้าไปเสีย แล้วคงมีสักวัน หนึ่งที่ข้าพเจ้าจะกลับมาตอบแทนพระคุณของท่านให้จงได้ "

"Aha, It's a mouse. It is optimal for lunch." "Please forgive me. Seven children are waiting for my return, in the house." "Are you a mother of a mouse?" "Yes. even if you ate a very small thing like me, it will not fill your belly. If you give me your pardon, I will surely do you a return in the future"

" ฮ่ะ ฮ้า ถ้าช่วยแล้วจะตอบแทนพระคุณในภายหลังให้อีกเสียด้วย ว่าแต่ว่าเจ้านั้นก็ตัวเล็กแค่เพียงเท่านี้เองน่ะ แล้วจะช่วยเหลืออะไรข้าได้ล่ะ!..ฮ่ะ ฮ้า " มันพูดทั้งหัวเราะอย่างนั้นแล้วก็จริง แต่ราชสีห์ก็ได้นึกเห็นใจ แม่หนูที่มีลูกมากมายตั้งเจ็ดตัวรออยู่ที่บ้าน และในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยแม่หนูไปเสีย " ขอขอบคุณท่านราชสีห์เป็นอย่างมาก ที่ได้ไว้ชีวิตให้ในครั้งนี้ ข้าพเจ้าจะ กลับคืนมาช่วยเหลือท่านในอนาคตข้างหน้าอย่างแน่นอน " แม่หนูหันหน้ามา บอกขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่มันจะเดินจากไป
"Ha ha, you say you will do me a return, if I save you. How can you do me a return, having such a small body?Ha ha, " But the lion released the mother mouse which seven children are waiting for, in sympathy. "Thank you very much, Lion. I will surely do you a return." The mother mouse turned her face repeatedly and thanked.

อยู่ต่อมาไม่นานหลายวันจากนั้นในวันหนึ่ง, หลังจากที่ราชสีห์ตัวนั้นได้ตื่นขึ้นมาหลัง จากที่ได้นอนกลางวันแล้วตามปกติของมัน และมันก็เริ่มที่จะหิวขึ้นมานั่นเอง มันจึงได้ ออกเดินไปเรื่อย ๆ เพื่อที่จะหาเหยื่อหมายกินเป็นอาหารในตอนเย็นมื้อนั้นเสียด้วย... " อ้านนน...ได้กลิ่นดี ๆ ที่หอมหวลจัง " แล้วตอนนั้นมันก็ได้มองไปเห็นก้อนเนื้อก้อนหนึ่ง ที่น่าอร่อยวางอยู่ตรงพื้นในบริเวณนั้น " นั่นมันก้อนเนื้อนี่.." มันกระโดดเข้าไปหมายกิน ในทันที แล้วในทันทีนั้นอย่างกระทันหัน...ตะข่ายก็ได้ตกลงมาจากด้านบน และราชสีห์ ก็ได้ถูกจับไว้ในตะข่ายนั้นอย่างหมดท่า

After several day, the lion woke up from the nap because of hunger, and he went out for searching foods of lunch "Um, I feel a good smell." There was a lump of meat looking delicious, at the place of smell. "It a big meat !" When the lion jumped at meat, a net went up suddenly, and the lion was caught.

" กาววว์..." ราชสีห์ร้องออกมา ด้วยเป็นอันต้องติดกับดักที่เป็นตะข่าย ดังนั้นเมื่อมันรู้ตัวจึงพยายามที่จะดิ้นไปมาหมายให้ตัวมันเองหลุดจากตะข่าย ให้ได้ " มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอายเสียเหลือเกิน ที่ข้าต้องมาติดกับดักอย่าง ง่าย ๆ เพียงเพราะว่าข้าอยากที่จะกินก้อนเนื้อที่มันตกอยู่!" ราชสีห์เสียใจที่ คิดผิดพลาดไป แต่อย่างไรมันก็เป็นสิ่งที่ช่วยอะไรไม่ได้เสียแล้ว แล้วในเวลานั้น ก็เผอิญกับที่แม่หนูกับลูก ๆของมันได้เดินทางผ่านมาทางนั้นเข้าพอดิบพอดี...

"Wooen!" Although the lion struggled desperately in a net, he couldn't come out of a net. "Ah, I've got a poor result. Because I decided to eat the fallen one, I fell into the trap" Although the lion regretted it, he could not find any way. Then, the mouse at that time was passing there with children.

แม่หนูจำราชสีห์ได้ " ท่านราชสีห์ผู้ใจดี ได้โปรดรอสักครู่ ข้าพเจ้าจะ ตอบแทนพระคุณที่ท่านได้ช่วยไว้เมื่อครั้งก่อน โดยจะช่วยท่านให้พ้น จากตะข่ายเดียวนี้แหละ " ว่าแล้วแม่หนูก็ใช้ฟันอันแข็งแรงที่มันมีเป็นความ สามารถอันวิเศษเหนือใคร ๆ แทะเชือกที่เป็นตะข่ายอันนั้นให้เป็นการใหญ่... แล้วมันยังได้สั่งพวกลูก ๆของมันว่า " พวกเจ้าจงดูแม่เป็นตัวอย่าง อย่างนี้ แล้วปีนขึ้นมาช่วยกันแทะเชือกให้ขาดจากกันเร็ว ๆ " ลูก ๆ ของมัน มองอย่างนึกเกรงกลัวความเหนียวของเชือก แต่ก็ได้ร่วมมือกันปีนขึ้นไป แล้วช่วยกันแทะเชือกให้

The mouse can remember a lion ,"Dear lion, please wait some. I will save your life as a return of your favor of the other day." The mouse clung to the net, and began to gnaw a net by her strong teeth. And to the children she said "gnaw nets like me." Children which were looking fearfully clung all at once to the net and gnawed the net.

" นั่นนายพรานป่ากำลังเดินมาทางโน้นแล้วนั่น...เร็ว ๆพวกเรารีบ ๆ ช่วยกัน " แล้วก็จริงอย่างที่แม่หนูได้พูดเพราะที่ไกลออกไปตรงลิบ ๆนั้นนายพรานป่า ได้ถือปืนและกำลังเดินมาอย่างรวดเร็ว...และก็พอดีกับในเวลานั้น ที่เชือก ได้ขาดออกจากกัน ทำให้ราชสีห์ตกลงมาสู่พื้นดินและได้เป็นอิสระอีกครั้งหนึ่ง " ขอบคุณเป็นอย่างมากพวกหนูใจดีทั้งหลาย เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า สัตว์ที่มีตัวเล็ก ๆอย่างพวกท่านจะมีความตั้งใจสูงตอบแทนพระคุณ ได้อย่างที่เคยบอก เราต้องขอโทษที่แต่ก่อนนั้น ไม่เชื่อว่าท่านจะช่วยเราได้ " เมื่อมันพูด ขอบคุณและขอโทษเสร็จแล้ว ก็รีบวิ่งหนีหายไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว...

. "Hurry up! you all. Hunter is coming." A hunter which had a gun is approaching from far distance. At the time, the net was turned off and the lion rolled down the ground. "Dear mouse, thank you. I did not think that very small mouse like you could do a return of kindness by no means. I do apology to you for that I didn't believe what you said." The lion escaped and went in a hurry. .

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

ถึงแม้ว่าจะตัวเล็กมีพลังแค่เพียงน้อยนิดก็ตาม แต่ถ้าให้ความร่วมมือร่วมพลังกันแล้ว มันก็สามารถที่จะเปลี่ยนมาเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ได้อยู่เหมือนกัน ...

Even if itself is a small power, if they cooperates together, it changes into a big one..

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

คติพจน์ คติธรรม


คติพจน์

• การทำความดี มีได้ทุกโอกาส ความประมาททำให้พลาดจากความดี
• ความดี ให้ความอิ่มใจในเบื้องหลังให้ความสมหวังในเบื้องหน้า
• ความชั่ว ให้ความขุ่นใจในเบื้องหลังให้ความผิดหวังในเบื้องหน้า
• ถ้าเมตตาเกินประมาณ จะพบคนพาลทั่วเมือง
• ไม่ยินดีในสิ่งที่ตนได้ ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี เป็นคนอาภัพอับโชคที่สุด
• ถ้ากล้าจนเกินงาม จะพบรักความเดือดร้อน
• มัวเมาในสิ่งที่ตนเองได้ หลงไหลในสิ่งที่ตนมี คือการสร้างเรือนจำขังตัวเอง
• ถ้าทำมักง่าย จะวุ่นวายภายหลัง
• ถ้าทำใจร้อน จะร้อนใจภายหลัง
• เห็นโทษในสิ่งที่ตนได้ เห็นภัยในสิ่งที่ตนมี คือความเป็นอิสระในโลก
• ถ้าเห็นแก่ได้ จะเสียใจภายหลัง
• ถ้าเห็นแก่กิน จะถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม
• ถ้าพูดพล่อย ๆ จะเสื่อมถอยความนับถือ
• ถ้าสบายเมื่อหนุ่ม จะกลุ้มใจเมื่อแก่
• ถ้าทำตามใจชอบ จะได้รับสิ่งที่ไม่ชอบใจ
• ถ้าทำบาปแลกบุญ จะขาดทุนเรื่อยไป
• ถ้าเห็นแก่ธรรม สุขเลิศล้ำตลอดกาล
• คนที่ไม่รักษาเวลา คือคนฆ่าตัวเอง
• อดีตคือความฝัน ปัจจุบันคือภาพมายา อนาคตคือความไม่แน่นอน
• ไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้แต่ตัวของเราเอง
• โกรธคนอื่น เหมือนจุดไฟเผาตัวเอง
• เมตตาคนอื่น เหมือนสร้างบ้านให้ตัวเอง
• อย่าระแวงคนอื่น ยิ่งกว่าระวังตัวเอง
• ชีวิตไม่พอกับตัณหา เวลาไม่พอกับความต้องการ
• ที่พักครั้งสุดท้ายของชีวิต คือป่าช้า
• ถ้าทำตัวแข่งกับสังคม ความล่มจมจะตามมา
• ถ้าทำงานเห็นแก่หน้า จะพบกับปัญหาเรื่อยไป
• ถ้าทำตัวเห็นแก่ได้ อย่าหวังน้ำใจจากเพื่อนฝูง
• ถ้ากลัวเกินไป จะทำอะไรไม่สำเร็จ
• ยินดีในสิ่งที่ตนได้ พอใจในสิ่งที่ตนมีเป็นคนโชคดีที่สุด
• ถ้าขาดความพอดี จะเป็นหนี้ตลอดกาล
• ถ้าหวังแต่ความสนุก จะพบความทุกข์มหันต์
• ถ้าขาดความยั้งคิด ชีวิตจะหมดความหมาย
• ถ้าทำใจให้สงบ จะพบรักความสุขเยือกเย็น
• ถ้ามีความพอดี จะเป็นเศรษฐีในเรือนยาจก
• ถ้ามีแต่ความงก จะเป็นยาจกในเรือนเศรษฐี
• ถ้ามีเมตตาจิต จะมีญาติมิตรทั่วบ้าน
• จงพอใจในชีวิตของตัวเอง โดยมิต้องไปเปรียบเทียบชีวิตของผู้อื่น
• ถ้าคิดถึงแต่ความหลัง จะพบรังแห่งความเศร้า
• ถ้ามีแต่ความมัวเมา จะพบความปวดร้าวภายหลัง
• ถ้าทำดีเพื่อเด่น จะถูกเขม่นจากญาติมิตร
• ถ้าทำความดีด้วยน้ำจิต จะมีชีวิตอยู่อย่างสบาย
• ถ้าหวังพึ่งแต่คนอื่น จะต้องกลืนน้ำตาตัวเอง
• อย่าทำตัวเป็นผู้รับฝ่ายเดียว จงทำตัวเป็นผู้ให้ด้วย
• อย่าพยายามทำคนอื่นให้เหมือนใจเรา เพราะเราก็ทำให้เหมือนใจคนอื่นไม่ได้
• ถ้ารู้จักใช้เวลา ชีวิตจะมีค่ากว่านี้
• อย่าทำตัวให้เด่นกว่างาน จงพยายามทำงานให้เด่นกว่าตัว
• อย่าทำบ้านให้แข็งแรงกว่าพื้นฐาน จงทำพื้นฐานให้แข็งแรงกว่าบ้าน
• อย่าพยายามทำสิ่งที่ได้ให้เท่ากับใจ จงพยายามทำใจให้เท่ากับสิ่งที่ได้
• ถ้าไม่กินอยู่เท่าที่มี จะได้เป็นเศรษฐีเงินกู้
• ถ้ามั่วสุมกับอบายมุข จะพบความทุกข์ในเบื้องปลาย
• ถ้าทำหูเบาเอาเขาว่า จะต้องน้ำตาตกใน
• ถ้าพูดโดยไม่คิด เท่ากับพ่นลมพิษใส่คนอื่น
• ถ้าจริงจังกับโลกเกินไป จะต้องตายเพราะความเศร้า
• ถ้าต้องการความเป็นอิสระ ให้พยายามชนะตัวเอง
• ถ้าไม่รู้จักความทุกข์ จะพบกับความสุขได้ที่ไหน
• ถ้าไม่ยอมปล่อยวาง จะพบกับความว่างได้อย่างไร
• ถ้าหาความสุขจากความมัวเมา เท่ากับจังเงาในกระจก
• ถ้าอยากเป็นคนงาม อย่าวู่วามโกรธง่าย
• ถ้าอยากเป็นคนสบาย อย่าเบื่อหน่ายความเพียร
• ถ้าอยากเป็นคนมั่งมี อย่าเป็นคนดีแต่จ่าย
• ถ้าอยากเป็นคนนำสมัย อย่าทำลายวัฒนธรรม
• ถ้าอยากเป็นคนมีเกียรติ อย่าเหยียดหยามคนอื่น
• ถ้าอยากมีความรู้ อย่าลบหลู่อาจารย์
• ถ้าอยากหาความสำราญ อย่าล้างผลาญสมบัติ
• ถ้าอยากเป็นคนมีอำนาจ อย่าขาดความยุติธรรม
• ถ้าอยากเป็นคนดัง อย่าหวังความสงบ
• เป็นอยู่เท่าที่มี ดีกว่าเป็นเศรษฐีเงินผ่อน
• ทำการงานอยู่กับบ้าน ดีกว่าสุขสำราญในบ่อน
• แสวงลาภจากการงาน ดีกว่าบนบานบวงสรวง
• ไม้เท้าของคนเฒ่า ดีกว่าลูกเต้าอกตัญญู
• รักกันฉันท์พี่น้อง ดีกว่าเงินทองเป็นไหน ๆ
. ปิดปากไว้ไม่พูดจา ดีกว่านินทาเพื่อนบ้าน
• ยอมลำบากเมื่อหนุ่ม ดีกว่าจะกลุ้มเมื่อแก่
• อยู่คนเดียวอย่างสงบ ดีกว่าคบคนพาล
• คอยตักเตือนตัวเอง ดีกวาเพ่งโทษคนอื่น
• ทำความดีแล้วดัง ดีกว่าถูกชังเพราะทำชั่ว
• ถ้ากินอยู่เกินฐานะ ชีวิตจะขรุขระเดือดร้อน
• ยอมลำบากเมื่อตอนต้น ดีกว่ายากจนทีหลัง
• เป็นอยู่อย่างหมดหวัง คือการขุดหลุมฝังตัวเอง
• ชีวิตคือการต่อสู้ จงเป็นอยู่ด้วยความอดทน
• ถ้าตกอยู่ใต้อำนาจยาเสพติด เท่ากับเผาชีวิตทั้งเป็น
• ถ้ามัวเมาเอาแต่ดัง ชีวิตจะพังเพราะชื่อเสียง
• ถ้าจะเป็นผู้ใหญ่ อย่าเชื่อง่ายหูเบา
• อำนาจวาสนา คือที่มาของความกังวล
• โลกจะลุกเป็นไฟ เพราะใจขาดธรรมะ
• ชีวิตจริง ไม่เหมือนฝัน
• ถ้าชนะด้วยอาวุธ จะสิ้นสุดด้วยความแค้น ใช้ธรรมะชนะแทน ความขุ่นแค้นจะหายไป
• ถ้าเสรีไม่มีเขต จะเป็นเหตุให้วุ่นวาย ถ้าเสรีตามกฎหมาย ความวุ่นวายสงบลง
• ถ้าผู้ใหญ่ตามใจว่า จะชักพาให้เดือดร้อน ถ้าผู้น้อยฝืนคำสอน จะเดือดร้อนไปทั่วเมือง
• ถ้าทำงานมุ่งเพื่อตัว จะหมองมัวชั่วชีวิต ถ้าทำงานเพื่ออุทิศ สิ้นชีวิตชื่อยังอยู่
• เป็นพระไม่สังวร จะถ่ายถอนความศรัทธา เป็นชาวบ้านไม่เสาะหา จะนำพาให้ล่มจม
• ประชาธิปไตยตามใจว่า คือที่มาแห่งความวุ่นวาย
• สังคมจะเป็นธรรม เพราะไม่เหยียบย่ำคนอื่น
• คนไม่เคารพกฎหมาย เหมือนวัวควายไม่มีคอก
• ดูบ้านเมืองดูที่ความสะอาด ดูประชาชาติดูที่ความสามัคคี
• ดูคนดี ดูที่งาน ดูลูกหลาน ดูที่ความเคารพ
• ดูหญิง ดูที่ความอาย ดูชาย ดูที่ความกล้าหาญ
• ดูพระดูที่กิจวัตร ดูคฤหัสถ์ ดูที่ความขยัน
• เพ่งโทษตนเป็นบัณฑิต เพ่งความผิดคนอื่นเป็นพาล
• เสียเงินทองไม่เป็นปัญหา เท่ากับเสียเวลาและเสียใจ
• ถ้าใช้กฎหมู่ จะอยู่อย่างรำคาญ ใช้อำนาจทางศาล จะสำราญทั่วเมือง
• เห็นผู้ใหญ่ว่าโง่ เห็นนักเลงโตว่าฉลาด เห็นพ่อแม่ไม่สามารถ คืออุบาทว์บ้านเมือง
• เห็นคุกเป็นบ้าน สุราบานเป็นเพื่อน บ้านเรือนเป็นศาลา คือที่มาของความวิบัติ
• ส่งเสริมการพนัน แข่งขันความมั่งมี ไม่เชื่อคนแต่เชื่อผี จะมั่งมีได้อย่างไร
• ความสุขโลกีย์ มีได้ชั่วคราว ความสุขยืนยาว ต้องเข้าหาธรรม
• ปฏิรูปจะได้ผล ประชาชนต้องร่วมใจ
• ถ้าจะทำงานเพื่อชาติ อย่าแสวงหาอำนาจเพื่อตัว
• ถ้าจะทำงานเพื่อศาสนา อย่าแสวงหาอามิส
• อยากให้ไทยคงเป็นไทย อย่าทำลายวัฒนธรรม
• ความวิบัติของชาติ คือผู้มีอำนาจแตกสามัคคี
• สังคมมากกว่าส่วนตัว ชีวิตครอบครัวจะเดือดร้อน
• เป็นทุกข์เพราะความจน ดีกว่าทนทุกข์เพราะเป็นหนี้
• ประดับกายด้วยความดี มีราศีกว่าประดับเพชร
• ฆ่าสัตว์ได้โทษ ฆ่าความโกรธได้บุญ
• อยากจะหนีความทุกข์ อย่าหวังความสุขทางกาย
• ปฏิวัติดัดนิสัย เป็นการแก้ไขที่ถูกต้อง
• ถ้ารักประเทศชาติ อย่าถือโอกาสร่ำรวย
• ถ้าอยากเป็นคนก้าวหน้า อย่ามัวอิจฉาคนอื่น
• อยากเป็นชายจริงหญิงแท้ อย่าเปลี่ยนแปรประเพณี
• คุณค่าของสัตว์อยู่ที่กาย คุณค่าหญิงที่ชายอยู่ที่ความประพฤติ
• ภัยใหญ่ของชีวิต คือความคิดลุ่มหลง
• ถูกบัณฑิตนินทา ดีกว่าถูกพาลายกย่อง
• ถ้าไม่อยากให้ผิดหวัง ให้ระวังอย่าโลภ
• ถ้าไม่อยากให้จิตวุ่นวาย ให้นึกถึงตายไว้บ้าง
• ถ้าไม่อยากจะเศร้าโศก ให้มองโลกเป็นอนิจจัง
• เป็นอยู่อย่างเกียจคร้าน จะล้างผลาญสมบัติ เป็นอยู่อย่างประหยัด จะได้สมบัติจากตัวเอง
• เจริญทางวัตถุ จะคุกรุ่นเป็นไฟ เจริญทางจิตใจ จะแจ่มใสสงบ
• มีธรรมเป็นอำนาจ จะปราศจากเวรภัย มีอธรรมเป็นใหญ่ เวรภัยจะตามมา
• ความสุขแบบชาวโลก มีทุกข์โศกเป็นผล ความสุขอริยชน มีผลเป็นความสงบ
• เลิกเห็นแก่ตัวได้เมื่อไร จะสุขใจเมื่อนั้น
• ไม่ทำการงาน คบอันธพาล มั่วสุขสำราญ ไม่นานหมดตัว
• มัวเมาอามิส หลงยาเสพติด ทำการทุจริต ยาพิษสังคม
• อวดดื้อถือตน ไม่ฟังเหตุผล ยุแยงแฝงกล คือคนทำลาย
• แก้ด้วยการเพิ่ม จะเสริมปัญหา แก้ด้วยปัญญา ปัญหาจะลด
• โลกนี้สับสน เพราะคนมุ่งรบ โลกนี้สงบ เพราะเคารพธรรม
• ขยันหมั่นไว้จะได้ดี แต่อย่ามีความโลภ
• หวังได้ทรัพย์จากการพนัน คือความเพ้อฝันของคนสิ้นคิด
• ความหลงไหลอบายมุข คือความทุกข์ของครอบครัว
• ปัญหาเศรษฐกิจและจิตใจ ต้องแก้ไขพร้อมกัน
• ทางพัฒนาที่ถูกทาง คือการเสริมสร้างคนดี
• ดูคนดี ดูที่การกระทำ ดูผู้นำ ดูที่การเสียสละ
• ศัตรูของประเทศชาติ คือประชาราษฎร์ขาดสามัคคี
• ความคิดริษยา เหตุที่มาของการแตกแยก
• ชีวิตที่ยุ่งยาก เพราะมีความอยากมากเกินไป
• ทุกข์ยากที่อุปาทาน สุขสำราญที่ปล่อยวาง
• หมั่นนึกถึงความตาย คืออุบายแห่งความไม่ประมาท
• คนเกียจคร้านไม่ทำงาน เป็นคนพิการสากล
• คนที่หวังพึ่งโชคชะตา เป็นคนปัญญาอ่อน
• คนที่ท้อถอยเบื่อหน่าย เป็นคนตายก่อนหมดอายุ
• คนที่มัวเมาเอาแต่เงิน จะห่างเหินจากญาติมิตร
• กินเหล้าเพื่อเข้าสังคม เป็นค่านิยมที่ผิด
• ภัยที่น่ากลัวคือความตาย ทางแห่งความฉิบหายคือ อบายมุข
• ไม่หลงของเก่า ไม่เมาของใหม่ เป็นหัวใจการพัฒนา
• คนเก่ง ๆ มีมาก คนที่หายากคือคนดี
• ความวิตกกังวลใจ เป็นโรคร้ายของชีวิต
• ความยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นอุบายสร้างสันติ
• ตัวอย่างที่ไม่ดีในสังคม สร้างค่านิยมที่ให้โทษ
• ความง่ายอยู่ที่ปาก ความยากอยู่ที่ทำ
• ทำดีไม่มีประมาณ ก่อความรำคาญให้คนอื่น
• สู้รบแบบพุทธะ คือการเอาชนะตัวเอง
• ระวังหูของเรา ดีกว่าเฝ้าปิดปากคนอื่น
• เหนื่อยกายหลับสนิท เหนื่อยจิตหลับไม่ลง
• ไม่หยุดไม่ถึงพระ ไม่ละไม่ถึงธรรม
• ลำบากเพราะการงาน ดีกว่าสำราญแล้วกลุ้ม
• มั่งมีเพราะประหยัด อัตคัตเพราะฟุ่มเฟือย
• คุณความดีมีมาก ส่วนที่หายากคือคนทำดี
• ทำอะไรตามใจว่า สร้างปัญหาให้ตัวเอง
• อามิสเป็นเพียงสิ่งอาศัย ความสุขใจอยู่ที่ความสงบ
• ความสุขที่ได้จากตัณหา มีค่าเท่ากับความทุกข์
• สะดวกนักมักง่าย สบายนักมักลืมตัว
• การรู้จักปล่อยวาง เป็นวิถีทางสงบสุข
• เวลาไม่ได้ทำให้คนเสียคน คนต่างหากทำให้เสียเวลา
• เหล้าไม่ได้ทำให้คนเมา คนต่างหากเมาเหล้า
• สัตว์ไม่ได้โหดร้ายกว่าคน คนต่างหากโหดร้ายกว่าสัตว์
• ศีลธรรมไทยได้เสื่อม คนต่างหากเสื่อมจากศีลธรรม
• ความสุขไม่ได้อยู่ที่ความสมปรารถนา การรู้จักทำใจ เมื่อไม่สมปรารถนาต่างหากเป็นความสุข
• สังคมวุ่นวาย เพราะอบายมุข
• ทำแล้วไม่พูด ดีกว่าพูดแล้วไม่ทำ
• มีทรัพย์อับปัญญา จะพาให้เดือดร้อน
• เป็นอยู่อย่างเรียบง่าย คืออุบายการประหยัด
• แต่งแต่กายไร้ค่า ถ้าไม่แต่งใจ
• คิดเอาแต่ได้ จะเสียใจภายหลัง
• เป็นอยู่อย่างบัณฑิต จะมีชีวิตอย่างปลอดภัย
• จงทำตามความถูกต้อง อย่าทำเพราะความถูกใจ
• ทำอารมณ์ให้ผ่องใส เป็นอุบายแก้ทุกข์
• พัฒนาไปจะไร้ผล ถ้าทุกคนหวังแต่เงิน
• อยู่นานไปจะไร้ชาติ ถ้าขาดความสามัคคี
• คิดไปก็ไร้คุณ ถ้ามัววุ่นอยู่แต่คิด
http://www.thaiall.com/

คำคมดีๆ

โลกกลมๆใบนี้ ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ
อยู่ให้ไว้ใจ ไปให้คิดถึง
คนเราต้องเดินหน้า เวลายังเดินหน้าเลย
ไม่ต้องสนใจว่าแมวจะสีขาวหรือดำ ขอให้จับหนูได้ก็พอ
ยิ่งมีใจศรัทธา ยิ่งต้องมีสายตาที่เยือกเย็น
ในโลกกลมๆ ใบนี้ไม่มีคำว่าแน่นอน
ความปราถนาอย่างแรงกล้า นั่นแหละคือเหตุผล
คนเราเมื่อม้าตาย ก็ต้องลงเดิน
คนเราจะไม่ต้องใช้สมองเลย ถ้าพูดแต่ความจริง
ท้อแท้ได้แต่อย่าท้อถอย อิจฉาได้แต่อย่าริษยา พักได้แต่อย่าหยุด
เหตุผลของคนๆ หนึ่ง อาจจะไม่ใช่เหตุผลของคนอีกคนหนึ่ง
ถ้าคุณไม่ลองก้าว จะไม่มีวันรู้เลยว่า ข้างหน้าเป็นอย่างไร
ปัญหาทุกอย่าง ล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
น้ำใจส่วนน้ำใจ เหตุผลส่วนเหตุผล
เรื่องดีหรือเรื่องร้ายทางที่ดีบอกกันก่อน
หนทางยาวไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรกก่อนเสมอ
เราจะเห็นค่าความอบอุ่น ก็ต่อเมื่อเราผ่านความเหน็บหนาวมาแล้ว
อันตรายที่สุดสำหรับชีวิตคนเรา คือ การคาดหวัง
เริ่มต้นดีแล้ว ลงท้ายก็ต้องดีด้วย
สวรรค์นั้นพึ่งยาก คนนั้นพึ่งยากกว่า
อย่ายอมแพ้ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
จงใช้สติ อย่าใช้อารมณ์
เบื้องหลังความเข้มแข็ง สมควรมีความอ่อนโยน เบื้องหลังของสติ สมควรมีอารมณ์
ไม่มีคำว่าบังเอิญในเรื่องของความรัก มีแต่คำว่าตั้งใจ
ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป
หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใส
หลังผ่านปัญหา จะรู้ว่าปัญหานั้นเล็กนิดเดียว
ไม่เป็นขุนนางน่ะได้ แต่ไม่เป็นคนไม่ได้
มีแต่วันนี้ ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง
เมื่อวานก็สายเกินแก้ พรุ่งนี้ก็สายเกินไป
http://webboard.yenta4.com

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

นิทานคนหาปลากับพราน

นิทานคนหาปลากับพราน
กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว วันหนึ่งคนหาปลาเดินสวนกับนายพรานเเละเห็นว่านายพราน มีเนื้อสัตว์มากมายจึงถามว่า
“ท่านพรานป่า ข้าขอเอาปลาเเลกกับเนื้อสัตว์บ้างได้หรือไม่”
นายพรานเห็นคนหาปลามีปลาหลายตัวก็นึกอยากจะลองกิน เนื้อปลา
วันต่อๆ มาคนหาปลากับพรานก็นัดพบเพื่อเเลกเปลี่ยนอาหารกัน ทุกวัน
จนกระทั่งวันหนึ่งคนหาปลาก็เอ่ยขึ้นว่า
“ท่านยังอยากจะเเลกเนื้อกับปลาอยู่หรือไม่”
นายพรานก็ตอบว่าตนเริ่มเบื่อปลาเเละอยากกินเนื้อดังเดิมเเล้ว
ทั้งสองจึงตกลงเลิกเเลกเปลี่ยนอาหารกันอีกต่อไป
นิทานอีสปเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า: คนเรามักอยากลิ้มลองของใหม่ เเต่ไม่นานก็ต้องเห็นค่าของ ของเก่า

กลอนวันวาเลนไทน์

ร ถ ไ ฟ ฟ้ า . . . ม า ห า แ ล้ ว น ะ เ ธ อ
วางโทรศัพท์ลง...
รอยยิ้มยังคงเปื้อนบนใบหน้า
ตา เป็นประกาย...หัวใจเต้นดังออกมา
...แต่จำไม่ได้...ตอบเธอไปว่า...ยัง ไง...
..................................................................
"พร้อม แล้วหรือยัง
ที่จะเดินทางร่วมกัน...เติมวันสดใส"
คำถามง่ายๆ...ที่ฉัน จำไม่ได้ว่าตอบอะไรออกไป
เธอรู้คำตอบอยู่แล้วใช่ไหม...ตลอดมา

"พร้อม เสมอ"
คำตอบที่อยากบอกเธอ...ตั้งแต่วันที่เราพบหน้า
เธอเป็นคนเดียว ...ในส่วนเติมเต็มของวันเวลา
ในช่องว่างที่ตามหา...จะเป็นใครไม่ได้นอก จากเธอ
..................................................................
บน ถนนสายนั้น
ครั้งแรกที่เราเดินทางไปด้วยกัน...จำได้ใช่ไหม
ฉันเชื่อ มั่น เธอมั่นใจ
จะถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยไปด้วยกัน
....................................................................
ใคร หลายคนห่วงใย
ความรักทางไกล...อาจเป็นไปแค่ฝุ่นฝัน
ณ เวลานี้ เราได้พิสูจน์หัวใจของกันและกัน
ระยะทางไม่เคยบั่นทอนความเชื่อมั่นที่ เรามี
..................................................................
ขอบคุณที่ให้ฉันสัมผัสถึงความรัก
ขอบคุณที่แน่นหนัก...ไม่เคยเดินหนี
ขอบคุณทุกวันที่มีเธออยู่...ในทุกวินาที
ขอบคุณนะคะคนดี...
"ขอให้เรา อยู่เคียงข้างกันแบบนี้ตลอดไป"

ขอขอบคุณ กลอนวันวาเลนไทน์ Thaipoem.com โดยคุณ นางฟ้าซาตาน